ครั้งก่อนผมทิ้งท้ายประเด็นจิตวิญญาณของบุคลากรสุขภาพที่มุ่งพัฒนาคุณภาพชีวิตคนในพื้นที่
จึงอยากจะเสริมประเด็นนี้ต่อครับ หลังจากได้ไปเห็นการดำเนินงานของพี่น้องสาธารณสุขที่ขอนแก่นในการปลูกจิตสำนึกของนักศึกษาให้มองประโยชน์ส่วนรวมเป็นที่ตั้ง
เพราะเห็นว่าเป็นรากฐานสำคัญในการลดความเหลื่อมล้ำของสังคม
แม้ว่าเราจะมีนโยบายผลิตบุคลากรสุขภาพเพิ่มทุกปี
โดยผ่านยุทธศาสตร์และโครงการต่างๆ ปัญหาบุคลากรขาดแคลนและกระจายไม่ครอบคลุมก็ยังมีอยู่จนทุกวันนี้
พื้นที่ไหนขาดแคลนบุคลากรสาธารณสุข ก็ยังขาดแคลนอยู่เช่นนั้น
อันที่จริง สถานศึกษาของกระทรวงสาธารณสุขและมหาวิทยาลัย
มีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะผลิตบุคลากรสาธารณสุขที่มีความรู้ ทักษะชีวิต และเจตคติที่ดีมาช้านานแล้วนะครับ
ทุกแห่งล้วนมุ่งหวังที่จะแทนที่คำว่า ‘resources’ ใน human resources ของระบบสุขภาพด้วยคำว่า
‘beings’
แต่ที่ผ่านมาการแก้ปัญหาเกิดขึ้นเพียงบางส่วน
พี่น้องสาธารณสุขที่ขอนแก่นจึงคิดใหม่ให้ครอบคลุม ดังเช่นโครงการ “พยาบาลชุมชน” ที่โรงพยาบาลน้ำพองและโรงพยาบาลอุบลรัตน์
ซึ่งเริ่มตั้งแต่การสรรหาเด็กที่มีศักยภาพ ความตั้งใจ และทัศนคติที่ดีต่อวิชาชีพ
ร่วมกับคนในชุมชน วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนีขอนแก่นและสถาบันเครือข่าย การจัดหลักสูตรที่ให้ทั้งความรู้ในวิชาชีพและทักษะชีวิต
และการจัดโครงสร้างการทำงานและระบบนิเวศในชุมชนที่เอื้อต่อการประกอบวิชาชีพอย่างมีความสุขตามอัตภาพ
การกำหนดอัตลักษณ์
“จิตบริการด้วยหัวใจความเป็นมนุษย์”
ของบัณฑิตที่ชัดเจนเช่นนี้มีความสำคัญครับ
เพราะมันช่วยวางกรอบการคัดเลือกบัณฑิตที่สอดคล้องกับความต้องการ ช่วยพัฒนาหลักสูตรที่จะแปลงภาพบัณฑิตในอุดมคติออกมาเป็นรูปธรรม
และช่วยสร้างกลไกในพื้นที่ให้บัณฑิตเหล่านี้ปฏิบัติงานได้ยาวนาน
การสร้างความเชื่อมั่นแก่พวกเขาในสวัสดิการและความก้าวหน้าทางวิชาชีพ
จึงต้องทำควบคู่ไปกับการพัฒนาจิตใจและการมีระบบเกื้อกูลฉันพี่น้อง กลไกการเงินมีความจำเป็นก็จริง
แต่กลไกสำคัญต่อความยั่งยืนของระบบสุขภาพคือการหล่อหลอมจิตใจพวกเขาให้ตระหนักในคุณค่าของวิชาชีพครับ
การกำหนดอัตลักษณ์ของบัณฑิตที่ชัดเจนข้างต้นยังช่วยวางกรอบการคัดเลือกผู้จะเป็นครูและการฝึกอบรมครูด้วย
ครูไม่ได้สำคัญเพียงเป็นผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชาความรู้ที่ตอบสนองความต้องการของระบบสุขภาพเท่านั้น
ครูที่ดียังต้องสร้างแรงบันดาลใจ ปลูกฝังอุดมคติ และสอนลูกศิษย์ให้ตระหนักในคุณค่าของวิชาชีพด้วย
การเลือกคนดีมากกว่าคนเก่งมาเป็นอาจารย์จึงสำคัญไม่แพ้การเลือกคนดีมาเป็นบัณฑิต
การสอนนักศึกษาแพทย์ของสถาบันผลิตแพทย์เพื่อชาวชนบทของศูนย์แพทย์ศึกษา
โรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่น ก็ยึดแนวทางนี้เช่นเดียวกันครับ เป็นที่น่ายินดีว่านักศึกษาแพทย์ถึงกว่าร้อยละ
80
ที่จบการศึกษาจากสถาบันแห่งนี้ยังทำงานอยู่ในถิ่นฐานบ้านเกิดของตนเอง
อนึ่ง ในการวางนโยบายสาธารณสุข ผม และ
รมช.ได้นำความมุ่งหวังตั้งใจของนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาที่จะเห็นสังคมไทยในยุคปฏิรูปมีความมั่นคงมาเป็นกรอบพิจารณาครับ
ในช่วงเวลาอันสั้นนี้ เราเห็นพ้องว่าเราต้องเร่งคลี่คลายปัญหาเฉพาะหน้าเป็นอันดับแรก และวางรากฐานที่ยั่งยืนแก่ระบบสาธารณสุขไปพร้อมกัน
เราเห็นพ้องด้วยว่าปัญหาสาธารณสุขที่ประเทศเผชิญมาตลอดล้วนมีปัจจัยร่วมตัวเดียวกัน
นั่นคือ ความเหลื่อมล้ำ นโยบายของกระทรวงสาธารณสุขจึงมุ่งเน้นการลดความเหลื่อมล้ำเป็นสำคัญ
การจัดทีมหมอครอบครัวลงไปดูแลเชิงรุกถึงชุมชนอย่างเป็นองค์รวม
เพื่อลดระยะห่างระหว่างชาวบ้านและเจ้าหน้าที่สาธารณสุข
และเสริมสร้างระบบสุขภาพของชุมชนให้เข้มแข็ง ถือเป็นนโยบายหนึ่งที่ลดความเหลื่อมล้ำของทุกกลุ่มวัยและกลุ่มประชากรในสังคมที่ชัดเจนครับ
แต่การทำงานของทีมหมอครอบครัวจะสำเร็จได้ต้องอาศัยพลังจากทุกวิชาชีพและภาคส่วนของสังคม
ปัญหาสุขภาพมีปัจจัยกำหนดทางสังคมและสิ่งแวดล้อมที่หลากหลาย และอยู่นอกขอบเขตของกระทรวงสาธารณสุข
การขับเคลื่อนจึงต้องอาศัยกำลังคนและเม็ดเงินจากหลายภาคส่วน
ผมจึงชื่นใจที่เห็นแนวทางการผลิตบุคลากรสายสุขภาพที่สถานศึกษาหลายแห่งดำเนินการอยู่นี้มีความสอดคล้องกับทิศทางที่ประเทศของเรากำลังมุ่งไป อาทิ การจัดกิจกรรมให้นักศึกษาแพทย์ ทันตแพทย์ พยาบาล เภสัชกร สาธารณสุข ร่วมแก้ปัญหาชุมชน
เพื่อฝึกการทำงานแบบ ‘รวมมิตร’ ไม่ใช่แบบ‘ขนมชั้น’ ฝึกการเชื่อมประสานกับภาคส่วนอื่นในชุมชนเพื่อสนธิพลังในการขับเคลื่อนงาน และฝึกการมองภาพเชิงระบบของงานสาธารณสุข
ทั้งหมดนี้จะทำให้พวกเขาไม่มืดแปดด้าน
สับสน หรือใช้เวลาตั้งหลักอยู่นานเมื่อถึงคราวต้องลงสนามจริงครับ
หากเปรียบเทียบกับหลายประเทศในภูมิภาคอาเซียน
ประเทศไทยไม่เป็นสองรองใครเลยในเรื่องจำนวนและคุณภาพของสถาบันการศึกษาวิชาชีพสุขภาพ
ทั้งนี้เพราะบูรพาจารย์และคนรุ่นก่อนได้วางรากฐานโครงสร้างการผลิตกำลังคนไว้ดียิ่ง
การศึกษาวิชาชีพด้านสุขภาพจึงเป็นบทบาทหนึ่งที่ประเทศไทยสามารถเป็นผู้นำในภูมิภาคอาเซียนได้อย่างเต็มภาคภูมิ
ทั้งยังเป็นโมเดลแก่ภูมิภาคอื่นของโลกด้วย
ในเมื่อเรามีต้นทุนและสินทรัพย์ล้ำค่าเช่นนี้แล้ว
สิ่งที่เราควรทำต่อไปจึงเป็นการเดินหน้าให้ต้นทุนเหล่านี้ผลิดอกออกผลเป็นบัณฑิตที่มีความรู้
มีคุณธรรม มีจิตสาธารณะ เพื่อให้เมืองไทยเป็นสังคมที่สมบูรณ์พูนสุข ร่วมเย็น
และมีความมั่นคงทางเศรษฐกิจและการเมืองอย่างยั่งยืน
เราก้าวล้ำนำหน้าหลายประเทศ
ซึ่งมีสภาพเศรษฐกิจดีกว่า แต่ยังนำบริการสาธารณสุขลงไปไม่ถึงทุกครัวเรือน
เราเล็งเห็นความสำคัญของการปฏิรูปการศึกษาวิชาชีพสุขภาพเพื่อสังคมที่น่าอยู่มานานแล้ว
อีกทั้งประเทศไทยยังเป็นแกนนำเสนอต่อสมัชชาอนามัยโลก สมัยที่ 66
ในปี พ.ศ. 2556 ให้ผ่านมติ ‘ปฏิรูปการศึกษาวิชาชีพด้านสุขภาพเพื่อสนับสนุนหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า’
(อีกนัยหนึ่งคือเพื่อสนับสนุนการเข้าถึงบริการสุขภาพที่เท่าเทียม) อีกด้วย
เราจึงมาถูกทางแล้วครับ หากเราเดินตามแนวทางนี้
ประเทศไทยจะมีบัณฑิตจำนวนมากที่มีความรู้ มีอุดมการณ์ และสร้างแรงบันดาลใจแก่อนุชนรุ่นหลัง
ดังเช่นพี่น้องสาธารณสุขที่ผมได้พบปะในหลายพื้นที่
ผู้มองการลดความเหลื่อมล้ำ การหยิบยื่นโอกาสแก่ผู้ที่ขาด
การช่วยผู้ตกทุกข์ได้ยากในสังคมให้พ้นวัฏจักรความยากจน เป็นความสุข
ความอิ่มเอมใจ เป็นน้ำหล่อเลี้ยงชีวิต
ถือเป็นสิ่งที่ประเสริฐมากครับ
ขอให้ทุกท่านมีความสุขในการทำงานครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น